รวมสุดยอด ครีมรักษารอยสิว รอยแดง จุดด่างดำจากสิว

Untitle 02:19 Add Comment
รวมสุดยอด ครีมรักษารอยสิว

ไม่รู้จะเชื่อหรือไม่ถ้าผมบอกว่า "ครีมรักษาหลุมสิว" ในโลกนี้ ณ วันนี้ไม่มีอยู่จริง ครีมที่โฆษณาบอกว่าช่วยรักษาหลุมสิว เอารูป before ที่หน้ามีหลุมสิวเยอะๆ กับรูป after ที่ใช้ Photoshop มาเทียบกัน มันไม่ใช่เรื่องจริง ครีมในโลกนี้ยังไม่สามารถรักษาหลุมสิวอย่างนั้นได้ แต่ถ้าเป็นครีมที่ช่วยลดรอยสิว รอยแดง รอยดำ จุดด่างดำจากสิว อันนี้คุยกันได้ มันเป็นแค่รอยไม่ใช่หลุมสิว รอยพวกนี้มันหายกันได้


วันนี้ผมจะมาพูดถึงครีมลดรอยสิวเหล่านี้กัน มีตัวไหนเป็นที่นิยม ตัวไหนช่วยลดรอยสิวได้ดีบ้าง?


Smooth e cream ลดรอยสิว


1. Smooth e cream

ครีมวิตามินอีหลอดสีขาวเขียว เป็นผลิตภัณฑ์ชื่อดังที่ออกมาเป็นตัวแรกๆของทาง Smooth e เค้า ส่วนผสมหลักของครีมลดรอยสิวหลอดนี้คือ วิตามินอี(Vitamin E) ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลผิวใหม่ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Centella Essence(CAE) ช่วยในการสมานแผล ทำให้รอยสิวจางเร็ว ป้องกันการเกิดรอยสิวใหม่

เนื้อครีมของ Smooth e cream เป็นสีขาวขุ่น ค่อนข้างหนักหน้า ทาแล้วช่วยให้ผิวชุ่มชื้นดี แต่ถ้าเป็นคนผิวมันจะทำให้หน้ามันขึ้น บางคนใช้แล้วสิวอุดตันขึ้นเพิ่มก็มี มันจึงเป็นครีมลดรอยสิวที่เหมาะกับคนผิวแห้ง หรือผิวธรรมดา สำหรับคนผิวมันถ้าแต้มเป็นจุดๆไม่ได้ทาทั้งหน้าคงไม่เป็นไร โดยรวมแล้ว Smooth e cream จัดเป็นครีมบำรุงลดรอยสิวที่น่าสนใจตัวหนึ่ง ราคาไม่แพง หาซื้อง่าย 7-11 หรือร้านขายยาก็มีขาย

ราคา

ขนาด 7 กรัม ราคา 95 บาท


Cybele Scagel ลดจุดด่างดำจากสิว


2.Cybele Scagel

Scagel เป็นครีมลดรอยสิวที่คนเป็นสิวน้อยคนจะไม่รู้จัก ดังมากในห้องโต๊ะเครื่องแป้งของ Pantip ส่วนผสมหลักของ Scagel คือ สารสกัดจากหัวหอม (Allium cepa bulb extract) ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน , สารสกัดจากใบบัวบก (Centella asiatica extract) ช่วยสมานแผล ลดรอยดำจากสิว , สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloe barbadensis leaf extract) ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบการระคายเคืองของผิว , วิตามินอี(Vitamin E) ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลผิวใหม่

เนื้อผลิตภัณฑ์ของ Scagel เป็นเนื้อเจล เวลาทาจึงไม่เหนียว หรือหนักหน้าเหมือน Smooth e ทาแล้วช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ในขณะที่ไม่ทำให้หน้ามันมากเกินไป ช่วยลดจุดด่างดำจากสิว และลดการอักเสบของสิวได้ในหลอดเดียว จัดเป็นครีมลดรอยสิวในดวงใจของใครหลายคน

ราคา

ขนาด 9 กรัม 190 บาท


Hiruscar postacne


3. Hiruscar postacne

ครีมลดรอยสิว Hiruscar postacne เป็นครีมลดรอยสิวอีกหนึ่งตัวที่คนนิยมใช้มาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเม็ดเงินโฆษณาที่ทางแบรนด์อัดเข้าไป หรือสรรพคุณลดรอยสิว จุดด่างดำจากสิวที่ได้ผลกันแน่ ส่วนผสมของครีมหลอดฟ้าขาวมีที่โดดเด่น คือ สารสกัดจากหัวหอม (Allium cepa bulb extract) ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน , วิตามิน B3 ช่วยให้ผิวที่ดำคล้ำดูจางลง , Allantoin ช่วยลดการละคายเคือง อาการคัน และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

เนื้อผลิตภัณฑ์ของ Hiruscar postacne เป็นเนื้อเจลสีเหลืองอ่อนๆ กลิ่นน้ำหอมเบาๆ ทาลงผิวซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยลดการเกิดรอยสิว รอยแดง รอยดำ นอกจากนี้ยังช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้อีกด้วย เป็นครีมลดรอยสิวยอดฮิตตัวหนึ่ง คน review เพียบ

ราคา

ขนาด 10 กรัม ราคา 220 บาท


Mederma ครีมรักษารอยสิว


4. Mederma

Mederma เป็นครีมลดรอยแผลเป็น แผลคีลอยด์ รอยแดง และรอยดำจากสิว มีส่วนผสมหลัก คือ Cepalin หรือ Allium cepa สารสกัดจากหัวหอมที่ทางแบรนด์วิจัยจนได้ประสิทธิภาพดีกว่าสารสกัดจากหัวหอมทั่วไป เป็นลิขสิทธิ์ของทาง mederma และส่วนผสมของ Allantoin ช่วยลดการระคายเคืองผิว ช่วยให้แผลเป็นอ่อนนุ่มลง

เนื้อผลิตภัณฑ์ของ Mederma เป็นเนื้อเจลใส มีกลิ่นแรง มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทาลงผิวจะซึมเข้าสู่ผิวหน้าอบ่างรวดเร็ว เนื้อบางเบามาก ทาเหมือนไม่ได้ทา ช่วยลดรอยดำจากสิวได้ดี แต่บางคนทาช่วงแรกๆอาจมีอาการคันยิบๆเกิดขึ้น ถ้าไม่มีผื่นแดงขึ้นก็ไม่เป็นไร ใช้ไปสักพักเดี๋ยวก็หาย Mederma จัดเป็นครีมลดรอยสิวที่ช่วยลดรอยได้เร็วมากถ้าเทียบกับครีมลดรอยสิวตัวอื่น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนถึงนิยมใช้มากขนาดนี้

ราคา

ขนาด 20 กรัม ราคา 500 บาท


Skinoren cream ยาทารักษาฝ้า และรอยสิว


5. Skinoren cream

จริงๆแล้ว Skinoren cream เป็นยารักษาสิว ช่วยลดการอุดตัน และการอักเสบของสิว นอกจากนี้ Skinoren cream ยังสามารถทารักษากระและฝ้าบางๆได้อีกด้วย ส่วนผสมคือ Azelaic acid 20% ช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสีผิว ช่วยให้ผิวบริเวณที่เป็นฝ้า กระ จุดด่างดำจางลงได้

เนื้อผลิตภัณฑ์ของ Skioren cream เป็นเนื้อครีมขาวข้น ใช้ทาหลังล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ทาทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออก แต่ถ้าจะใช้ลดรอยสิวแนะนำให้แต้มเป็นจุดๆ ไม่แนะนำให้ทาทั้งหน้าเพราะอาจทำให้ระคายเคืองเกินไป แต่ถ้าใครเป็นสิว และเป็นรอยดำ รอยแดงจากสิวร่วมด้วยจะทาทั้งหน้าเลยก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ต้องไม่แพ้ยา  Azelaic acid นะ ไม่งั้นอาจแย่ได้

ครีมรักษารอยสิว 5 ตัว 5 สไตล์ที่อยากนำเสนอในวันนี้ แต่ละตัวมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง ลองเลือกตัวที่เหมาะกับปัญหาผิวที่เป็นอยู่ ผมเชื่อว่ารอยสิวของทุกคนต้องจางลง และหายได้ในเร็ววันครับ

รักษาหลุมสิวด้วย subcision vs mini subcision ต่างกันอย่างไร?

Untitle 02:43 Add Comment
รักษาหลุมสิวด้วย subcision vs mini subcision

การรักษาหลุมสิวที่ได้ผลดีนั้น นอกจากเลเซอร์แล้วยังมีการรักษาหลุมสิวที่ใช้เข็มเป็นตัวกระตุ้นที่ได้ผลดีไม่แพ้กัน วันนี้ผมจะมาพูดถึง การรักษาหลุมสิวด้วย subcision และ mini subcision ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? ทำอย่างไหนดีกว่ากัน?


เครื่องมือที่ใช้

ความแตกต่างแรกระหว่างการรักษาหลุมสิวด้วย subcision และ mini subcision คือ เครื่องมือที่ใช้

Subcision ใช้เข็ม nokor needle ซึ่งเป็นเข็มที่มีปลายมีดอยู่ที่หัวเข็มในการรักษา

Mini subcision ใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเป็นหัวเข็มขนาดเล็กหลายๆหัวในการรักษา


เข็ม nokor needle subcision


วิธีรักษา

Subcision เป็นวิธีรักษาหลุมสิวโดยใช้เข็ม nokor needle เซาะบริเวณใต้หลุมสิว เพื่อทำลายพังผืด และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อผิวใหม่ โดยไล่เซาะไปทีละหลุม

Mini subcision เป็นวิธีรักษาหลุมสิวโดยใช้เครื่องมือที่มีเข็มขนาดเล็กกระจุกหนึ่ง กดลงไปที่ผิวหน้าตามตำแหน่งที่เป็นหลุมสิว ช่วยให้รักษาหลุมสิวเป็นวงกว้างมากกว่า subcision

ผลข้างเคียง

Subcision ผลข้างเคียงของการทำ Subcision คือ จะเกิดรอยกรีดขนาดเล็กตามจุดหลุมสิวที่ทำ บางจุดอาจเป็นรอยดำ ช้ำ ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าจะหายสนิท เป็นวิธีรักษาหลุมสิวที่พักฟื้นนานที่สุดตัวหนึ่ง

Mini subcision ช่วง 3 รักแรกหน้าจะแดง มีแต่แผล เต็มหน้าไปหมด ประมาณ 1-2 สัปดาห์ สะเก็ดแผลจึงจะหลุดลอกออกหมด


การดูแลผิวหน้าหลังทำ

Subcision วันแรกที่ทำยังไม่ควรล้างหน้า รอให้ผ่านไป 24 ชั่วโมงก่อนถึงจะล้างได้ 3 วันแรกอย่าเพิ่งทายารักษาสิว หลังจากนั้นสามารถทายาหรือทาครีมได้ตามปกติ โดยเฉพาะมอยเจอร์ไรเซอร์อย่าให้ขาด ผิวหน้าจะได้ฟื้นตัวเร็ว

Mini subcision การดูแลจะเหมือนกับ Subcision ทุกอย่าง วันแรกอย่าเพิ่งล้างหน้า ทาครีม หรือทายารักษาสิว เพราะแผลยังสดอยู่ หลังจากนั้น 3 วันจึงจะสามารถทาครีมได้ตามปกติ อย่าล้างหน้าแรง เดี๋ยวสะเก็ดแผลจะหลุดออกเร็วเกินไป ให้มันค่อยหลุดลอกตามธรรมชาติดีกว่า ทาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวให้ดี และทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้าน รอยแผลจะได้หายเร็วขึ้น

ประเภทหลุมสิว

Subcision เหมาะกับหลุมสิวขนาดใหญ่ หลุมสิวที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ไม่เหมาะกับหลุมสิวแบบจิก ที่ปากหลุมแคบแต่ลึก

Mini subcision เหมาะกับหลุมสิวขนาดเล็ก หลุมสิวลึก และเหมาะกับคนที่เป็นหลุมสิวจำนวนมาก สามารถทำได้ทุกจุดบนใบหน้า

ราคา

Subcision ถ้าคิดเป็นจุด ราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท หรือถ้ามีมากกว่า 1 หลุม อาจคิดเหมาเป็น 1,500-5,000 บาท ขึ้นอยู่กับลักษณะหลุมสิว และคลินิกที่รับทำอีกที

Mini subcision ส่วนใหญ่ทำเป็นคอร์สคุ้มกว่า ทำเป็นรายครั้งแพงและไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร คอร์สหนึ่งทำ 5 ครั้ง ราคาประมาณ 15,000 บาท บางทีอาจมีโปรโมชั่นทำคู่กับ VIPL คอร์สละ 20,000 บาทก็มีครับ

นี่คือความแตกต่างระหว่างการรักษาหลุมสิว subcision และ mini subcision ที่ผมพอนึกออก ใช้เข็มเหมือนกันแต่รายละเอียดแตกต่างกันมาก ส่วนใหญ่ถ้าเราซื้อคอร์ส mini subcision เค้าจะทำ subcision แถมให้ด้วย ทำคู่กันช่วยให้การรักษาหลุมสิวได้ผลดียิ่งขึ้นครับ

รักษาหลุมสิวด้วย Fraxel เลเซอร์ลดรอยแผลสิว

Untitle 23:04 Add Comment
รักษาหลุมสิวด้วย Fraxel

หากพูดถึงเลเซอร์รักษาหลุมสิวที่โดดเด่น และได้ผลดีที่สุดตัวหนึ่ง ชื่อของเลเซอร์ "Fraxel" คือหนึ่งในนั้น เป็นเลเซอร์ที่มักโดนเปรียบเทียบกับ E-matrix ในเรื่องการรักษาหลุมสิว ว่าตัวไหนทำแล้วช่วยให้หลุมสิวตื้น หรือได้ผลมากกว่ากัน บางคนบอก E-matrix ดีกว่า แต่บางคนก็บอกว่าทำ Fraxel คุ้มกว่า ไม่รู้ว่าเชื่อใครดี เอาเป็นว่ามาทำความรู้จักกับเจ้า Fraxel กันก่อนดีกว่า ว่ามันคืออะไร? ช่วยรักษาหลุมสิวได้ยังไง?


Fraxel คือ อะไร?

Fraxel เป็นเลเซอร์ในกลุ่ม Fractional Laser หรือ เลเซอร์ที่ไม่ทำให้เกิดแผล หลักการคือมันจะเจาะรูขนาดเล็กจำนวนมากลงบนผิวหนัง เพื่อทำให้ผิวเกิดบาดแผล เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวหน้า โดยสามารถส่งผ่านเลเซอร์ได้ลึกถึง 1,400 ไมครอน ซึ่งเป็นความลึกที่สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างเซลผิวใหม่ที่ชั้นหนังแท้ได้

วิธีทำ Fraxel 

  • พนักงานเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า
  • ทายาชาทั่วหน้า ทาทิ้งไว้ประมาณ 30-40 นาที แต่บางที่ก็อาจไม่ทา อยู่ที่การปรับระดับความแรงของเครื่อง ถ้าแรงมากเวลายิงจะเจ็บมาก
  • เมื่อยาชาออกฤทธิ์ พนักงานจะเช็ดยาชาออก และเป่าหน้าให้แห้ง
  • หมอเริ่มยิงเลเซอร์ Fraxel คล้ายกับการลากเส้น จะรู้สึกแสบร้อนหน้าเล็กน้อย
  • หลังจากยิง Fraxel  ทั่วหน้าแล้ว จะทำการประคบเย็น และทาครีมกระตุ้นผิว เพื่อเร่งสร้างเซลผิวใหม่

ระยะเวลาพักฟื้น

หน้าจะแดงประมาณ 1-3 วัน และอาจมีสะเก็ดแผลสีน้ำตาลขึ้นมาเป็นจุดๆ ประมาณ 5-10 วันหน้าจะลอก สะเก็ดแผลที่เกิดขึ้นจะหลุดออกไป

ความถี่ในการทำ Fraxel

ทำห่างกันแต่ละครั้งประมาณ 4-6 สัปดาห์ หรือประมาณเดือนถึงเดือนครึ่ง ทำประมาณ 3-5 ครั้งเพื่อให้ได้ผลการรักษาหลุมสิวที่ดี


การดูแลผิวหน้าหลังทำ

3 วันแรกงดแต่งหน้า งดทายารักษาสิว หรือ AHA ทาได้แต่มอยเจอร์ไรเซอร์ และครีมกันแดด ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ล้างให้เบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้นสะเก็ดแผลจะหลุดออกเร็วก่อนกำหนด 

ข้อดีของ Fraxel

  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน เพราะ Fraxel เป็นเลเซอร์ในกลุ่ม Fractional Laser จะเกิดแผลด้านบนผิวน้อยมาก ถ้าใครทำแล้วเป็นมากแสดงว่าหมอปรับค่าแรงเกินไป หรือไม่ก็เป็นเครื่อง Fraxel ของปลอมที่คุณภาพต่ำ
  • ปรับค่าความแรงได้หลายระดับ  ช่วยรักษาปัญหาผิวได้หลายแบบ ทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง รอยเหี่ยวย่น และหลุมสิว
  • ไม่เจ็บมาก  ทำแล้วไม่มีเลือดออกเหมือนพวก dermaroller , subcision , dermapoint
  • ช่วยให้หลุมสิวตื้นได้จริง ส่วนจะตื้นมากตื้นน้อยอยู่ที่ปัญหาหลุมสิวที่เป็น เครื่องที่ใช้ และความชำนาญของหมอที่ทำ

ข้อเสียของ Fraxel

  • ราคาสูง ทำทั่วหน้าต่ำสุดครั้งละ 15,000 ทำที่โรงพยาบาลของรัฐถูก แต่ต้องรอคิวนาน 
  • ต้องทำมากกว่า 1 ครั้ง ในกรณีที่เป็นหลุมสิวเยอะ ลึก และเป็นมากกว่า 1 ปี

ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า การทำ Fraxel ช่วยรักษาหลุมสิวได้ดีพอๆกับ E-matrix นะ แต่ต้องเป็นเครื่องของแท้ และทำกับหมอที่เก่งจริงๆ ไม่งั้นทำไปอาจไม่เกิดประโยชน์ แถมหน้าอาจเยินมากกว่าเดิมได้ ใครมีทุนทรัพย์ และอยากให้ปัญหาหลุมสิวดีขึ้น ผมแนะนำเลยครับ Fraxel เป็นเลเซอร์รักษาหลุมสิวที่ได้ผล และน่าสนใจมากตัวหนึ่ง


รักษาหลุมสิวด้วย E-matrix เลเซอร์หลุมสิวที่ดีที่สุด?

Untitle 23:37 Add Comment
รักษาหลุมสิวด้วย E-matrix

ว่ากันว่าการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ คือวิธีรักษาที่ได้ผลมากที่สุด ไม่รู้จริงแท้แค่ไหน แต่จากที่ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาหลุมสิวมา ผมเห็นด้วยกับคำพูดนี้ แต่คงไม่ใช่กับเลเซอร์ทุกตัว เลเซอร์มีหลายแบบ แต่ละแบบใช้แก้ปัญหาผิวหน้าแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าพูดถึงเลเซอร์รักษาหลุมสิวที่เป็นความหวังของคนเป็นหลุมสิวทุกคน "E-matrix" คือ เลเซอร์ตัวนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย


E-matrix คือ อะไร?

E-matrix เป็นเลเซอร์รักษาหลุมสิวประเภท Fractional คือ เลเซอร์ที่ทำให้เกิดรูขนาดเล็กจำนวนมากบนผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลาเจนใหม่ในชั้นหนังแท้ ช่วยรักษาปัญหาผิวหน้าที่แก้ไขได้ยาก เช่น ปัญหาริ้วรอยลึก ฝ้า กระ และปัญหาหลุมสิว โดยสิ่งที่ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนของเลเซอร์ E-matrix นั้นคือ คลื่น RF (Radio Frequency) ซึ่งเป็นคลื่นที่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปยังชั้นหนังแท้ ที่ความลึก 1,000 ไมครอน ซึ่งเป็นความลึกที่สามารถกระตุ้นการสร้างเซลผิวใหม่ ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิวได้จริง

วิธีทำ E-matrix

  • เช็ดทำความสะอาดผิวหน้า
  • มาส์กหน้าด้วยยาชา ทาทิ้งไว้ประมาณ 30-40 นาที รอให้ยาชาออกฤทธิ์
  • เช็ดยาชาออก และเป่าผิวหน้าให้แห้งสนิท เพราะถ้าหน้าไม่แห้งเครื่อง E-matrix จะไม่ทำงาน
  • หมอไล่ยิงเลเซอร์ไปตามตำแหน่งที่เป็นหลุมสิว จุดไหนที่เป็นหลุมสิวลึกหมอจะยิงย้ำเพิ่มให้
  • ในระหว่างยิงจะมีผู้ช่วยคอยประคบเย็นให้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้า burn มากเกินไป
  • หลังยิงเลเซอร์ E-matrix เสร็จ ประคบเย็นทั่วหน้าอีกครั้ง
  • จ่ายตังค์ รับครีมบำรุงผิวกลับบ้าน

ระยะเวลาพักฟื้นหน้า

ไม่เกิน 1 สัปดาห์สะเก็ดหลุด แต่จะเห็นว่าหลุมสิวตื้นขึ้นชัดเจนหลังจากทำ 3 เดือนขึ้นไป

ความถี่ในการทำ E-matrix

ห่างกันแต่ละครั้งประมาณ 4-6 สัปดาห์ หรือประมาณเดือนถึงเดือนครึ่ง


การดูแลผิวหน้าหลังทำ

สามารถล้างหน้าทาครีมได้ตามปกติ ควรทาครีมบำรุงหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อไม่ให้ผิวแห้งกร้าน และทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป ทุกครั้งเมื่อต้องออกนอกบ้านตอนกลางวัน เพราะช่วงแรกหลังจากทำ E-matrix หน้าจะไวต่อแสงมากขึ้น

ข้อดีของ E-matrix

  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน เนื่องจากคลื่น RF ที่ส่งผ่านมีลักษณะเป็นพีระมิด ทำให้เกิดการ burn ที่ผิวด้านบนน้อย และกระจายเป็นวงกว้างที่ผิวชั้นล่าง หลังทำผิวด้านบนจึงเกิดสะเก็ดแผลเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนเลเซอร์หลุมสิวบางตัว
  • ตรวจสอบผลการยิงได้  เครื่องเลเซอร์ E-matrix เป็นเครื่องที่มีความทันสมัยมาก สามารถตรวจสอบได้ว่าคลื่น RF ที่ยิงลงไปในแต่ละครั้ง ได้ผลมากน้อยแค่ไหน สามารถตรวจจับเพื่อปรับความเหมาะสมขอความแรงคลื่นได้ ช่วยให้การยิงแต่ละช็อตมีประสิทธภาพมากขึ้น
  • ช่วยให้หลุมสิวตื้นได้จริง ถ้าเป็นเครื่องแท้ และเป็นหลุมสิวไม่ลึก หรือเพิ่งเป็นไม่นาน จะเห็นผลการรักษาดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
  • ช่วยกระชับผิวหน้าได้ด้วย E-matrix ช่วยรักษาหลุมสิว และกระชับผิวหน้าไปพร้อมกัน เป็นความสามารถที่เลเซอร์ตัวอื่นทำไม่ได้

ข้อเสียของ E-matrix

  • ราคาสูงมาก ส่วนใหญ่คิดราคาเหมาเป็นช็อต 100 , 200 , 600 ช็อต ราคาตั้งแต่ 12,000 - 50,000 บาท
  • ต้องยิงมากกว่า 1 ครั้ง สำหรับคนที่เป็นหลุมสิวมานาน ถึงจะช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ ยิงอย่างน้อย 3-5 ครั้ง


คงไม่ใครบอกได้ว่า E-matrix เป็นเลเซอร์รักษาหลุมสิวที่ดีที่สุดในตอนนี้หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเรื่องลักษณะหลุมสิว ความยาวนานที่เป็น เครื่องมือ และความชำนาญของแพทย์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้การรักษาสิว มีผลลัพธ์แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมมองว่า E-matrix เป็นเลเซอร์รักษาหลุมสิวที่น่าลงทุนด้วยมากตัวหนึ่ง ทำแล้วช่วยให้หลุมสิวดีขึ้นได้แน่นอน แต่ต้องเลือกที่ทำที่ไว้ใจได้หน่อย รับรองไม่ผิดหวังครับ


รวมวิธีรักษาหลุมสิว ทำยังไงให้หาย รู้กัน!!!

Untitle 07:29 Add Comment
รวมวิธีรักษาหลุมสิวให้หาย

เป็นสิวว่าน่ากังวลแล้ว แต่รับรองว่าถ้าได้เป็น "หลุมสิว" กลุ้มใจยิ่งกว่า เพราะหลุมสิวนั้นรักษาให้หายยาก ถ้าเป็นหนักๆไม่มีทางหายแบบ 100% แน่นอน ตื้นขึ้น 50-80% ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการรักษาแล้ว พูดมาซะยืดยาว เอาเป็นว่ามาดูวิธีรักษาหลุมสิวดีกว่าครับ มาดูว่ามีวิธีไหนน่าสนใจบ้าง


1. เลเซอร์หลุมสิว

การรักษาหลุมสิวที่ได้ผลมากที่สุดคงไม่พ้น "การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์" เป็นการรักษาสิวที่ใช้คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นแตกต่างกัน ยิงไปที่ผิวหน้าเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน พร้อมกับทำลายพังผืดที่ยึดก้นหลุมสิวเอาไว้ ช่วยให้เซลผิวถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในเวลาอันสั้น

เลเซอร์รักษาหลุมสิวมีหลายแบบ แต่ละแบบจะแจกต่างกันที่ตัวเครื่อง และความยาวคลื่นที่ยิง ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเลเซอร์รักษาหลุมสิว เช่น E-matrix , Frexel , Fine scan , Fractional CO2 Laser , Fractional Erbium YAG Laser เลเซอร์เหล่านี้คือเลเซอร์ที่ใช้รักษาหลุมสิวโดยเฉพาะ เลเซอร์ของแต่ละที่จะมีคุณภาพที่แตกต่างกันออกไป เครื่องที่มาจากอเมริกาจะมีคุณภาพดีกว่าจากจีน นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของหมอที่รักษาด้วย บทความหน้าจะเจาะลึกเรื่องเลเซอร์รักษาหลุมสิวอย่างละเอียดอีกทีครับ

2. กระตุ้นด้วยเข็ม

การกระตุ้นด้วยเข็มเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาหลุมสิวที่ได้ผลดี เป็นวิธีกระต้นหลุมสิวด้วยเข็ม ช่วยทำลายพังผืด ทำให้ผิวหน้าเกิดบาดแผล  กระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการซ่อมแซมตัวเอง เร่งสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ มีหลายวิธีแต่ละวิธีค่อนข้างเจ็บ เวลาทำจะมีเลือดออกจำนวนมาก ส่วนใหญ่ต้องใช้ยาชาในการรักษา วิธีรักษาหลุมสิวด้วยเข็ม เช่น Dermaroller , Subcision , Mini subcision , Scarlet RF , Scar Focus

3. แต้มด้วยกรด

การรักหลุมสิวด้วยกรด จะใช้กรดที่มีชื่อว่า TCA หรือ Trichloroacetic Acid เป็นกรดที่ใช้ลอกผิวหน้า ช่วยรักษาหลุมสิว มีความเข้มข้นตั้งแต่ 10-100% โดยหลักการทำงานของกรด TCA มันจะทำให้ผิวบริเวณหลุมสิวถูกกัดทำให้เกิดบาดแผล ผิวจะได้ถูกกระตุ้นเพื่อสร้างเนื้อผิวใหม่ขึ้นมา ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น วิธีทำหมอจะใช้แท่งเหล็กขนาดเล็กแต้มกรด TCA แล้วนำไปแต้มหลุมสิวแต่ละหลุม แต้มทิ้งไว้ 3-4 นาทีแล้วล้างออก จะเกิดเป็นรอยด่างขาวขึ้น ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วัน รอยด่างจะกลายเป็นสะเก็ดแผลสีน้ำตาล ห้ามแกะเด็ดขาดปล่อยให้มันหลุดลออกตามธรรมชาติ หลุมสิวจะถูกกระตุ้นให้ตื้นขึ้น

ข้อควรระวัง อย่าซื้อกรด TCA มาแต้มเองเด็ดขาด แต้มไม่ดีหน้าอาจถูกกัดจนเป็นแผลเป็นได้ อันตรายมาก ให้หมอทำให้ดีที่สุด

4. การผ่าตัดหลุมสิว

การผ่าตัดหลุมสิว เป็นการผ่าตัดเพื่อเย็บปิดปากหลุมสิว ช่วยปกปิดปากหลุมสิวได้อย่างรวดเร็วทันใจ เหมาะกับหลุมสิวที่มีขนาดใหญ่ หรือหลุมสิวแบบแอ่งกระทะ แบ่งเป็น 4 แบบ คือ

  • Punch excision เป็นการผ่าตัดรอยหลุมสิวออก แล้วเย็บแผลให้ติดกัน ทำได้กับหลุมสิวระดับ Box scar &Ice pick scar 
  • Punch elevation เป็นการผ่าตัดหลุมสิวโดยยกเนื้อบริเวณหลุมสิวขึ้นมาให้เท่ากับเนื้อผิวปกติ แล้วทำการเย็บเนื้อที่ยกขึ้นมาให้ติดกับเนื้อผิวโดยรอบ ทำได้กับหลุมสิวระดับ Box scar,
  • Punch grafting ปิดหลุมสิวโดยการเอาเนื้อบริเวณอื่นของเรามาปิดแทนที่หลุมสิว แล้วทำการเย็นปิดเพื่อให้เนื้อเยื่อเติบโตเต็มหลุมสิว เป็นวิธีที่เหมาะกับหลุมสิวที่ลึกไม่สม่ำเสมอ ทำได้กับหลุมสิวระดับ Box scar &Ice pick scar,
  • Elliptical excision เป็นการผ่าตัดหรือกรีดหลุมสิวให้เป็นวงรีและจัดการเย็บแผลให้ติดการ ซึ่งเป็นการเย็บปิดแผลเป็นหลุมสิวให้แนบสนิท

5. กรอผิวด้วยอัญมณี

การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี หรือ Microdermabrasion เป็นวิธีการรักษารอยแดงโดยการพ่นเกร็ดอัญมณี หรือ aluminum oxide ลงไปที่ผิวหน้า เพื่อกระตุ้นการผลัดตัวของเซลผิว ทำให้ผิวชั้นบนหลุดลอกเร็วขึ้น จะได้เกิดการสร้างเซลผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจริงๆแล้วการทำ Microdermabrasion ไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้ อย่างมากก็ช่วยให้รอยแดง หรือรอยดำจากสิวจางลงได้เท่านั้น ใครที่เป็นหลุมสิวจริงๆอย่าไปทำเลย เสียงเงินฟรีแน่นอน

หน้าใสด้วย AHA

6. ทำทรีทเม้นท์ AHA

การทำ AHH คือ การลอกผิวหน้าด้วยกรดผลไม้ กรดที่นิยมใช้ลอกหน้า เช่น Pyruvic Acid , Glycolic Acid , Citric acid หลักการทำงานของ AHA มันจะช่วยลอกหรือผลัดเซลผิวชั้นบนออก ช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ ลดการทำงานของเม็ดสีช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ช่วยลดริ้วรอยตื้นๆ รอยแดง และรอยดำจากสิวได้ดี แต่ไม่สามารถทำให้หลุมสิวตื้นได้ เหมาะกับคนที่ผิวหน้าหมองคล้ำ รูขุมขนกว้างมากกว่า

7. ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มหลุมสิว

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว คือ การฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในผิว เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย การหย่อนคล้อย หรือแก้ปัญหาหลุมสิว สารที่นิยมใช้ฉีด เช่น คอลลาเจน(Collagen) และไฮยาลูรอนิค เอซิด(Hyaluronic) เป็นสารที่มีอยู่ในผิวหนังของคนเราอยู่แล้ว เมื่อฉีดเข้าไปจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เหมาะกับคนเป็นหลุมสิวไม่เกิน 1 ปี หลุมสิวแบบแอ่งกระทะ และต้องไม่มีพังผืดยึดก้นหลุมไว้ เพราะถ้ามี สารฟิลเลอร์มันจะไม่สามารถซึมเข้าไปในชั้นผิวได้สมบูรณ์

จริงๆแล้วจะบอกว่าการฉีดฟิลเลอร์เป็นการรักษาหลุมสิวก็คงไม่ใช่ เพราะมันไม่ได้ทำให้หลุมสิวหาย มันแค่เติมเต็มหลุมสิวชั่วคราวเท่านั้น อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน หลุมสิวก็จะกลับมาเหมือนเดิม ต้องคอยเติมเรื่อยๆ

บทความนี้ผมขอเขียนการรักษาหลุมสิวแบบสรุปไปก่อน อยากให้เห็นว่ามีการรักษาหลุมสิวแบบไหนบ้าง บทความหน้าจะมาเจาะลึกไปทีละหัวข้อ ว่าแต่ละแบบมีวิธีทำอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง อย่าลืมติดตามนะครับ